เมื่อลิโอเนล เมสซี่ ไม่ได้ไปต่อกับบาเซโลน่า EP:1

สำหรับสาวกโดยเฉพาะบาร์เซโลน่า เนื่องจากในค่ำคืนเมื่อวานที่ผ่านมาฝนฟ้าโปรยเม็ดลงมาอย่างหนัก และกับฟ้าจะผ่ากลางหัวใจจนได้ เพราะจู่ๆก็มีรายงานออกมาว่า การต่อสัญญา ลิโอเนล เมสซี่ ไม่มีความใกล้เคียงที่จะเกิดขึ้น และไม่มีความคืบหน้าใดๆ หลายคนที่ติดตามข่าวมาก่อนหน้านี้ Story ระหว่างบาร์เซโลน่า กับ ลิโอเนล เมสซี่ มันน่าจะลงเอยแบบ Happy Ending ไปแล้ว และดอกที่ 2 มันก็ชอกช้ำยิ่งกว่า เพราะว่านี่เป็นการแยกทางกันตลอดไป 100 เปอร์เซ็นต์ 

เรามาติดตามดรามาเรื่องนี้กัน ขอบอกเลยว่าสาวกเจ้าบุญทุ่มอาจจะต้องเตรียมทิชชู่มาซับน้ำตานะครับถ้าจะฟัง ย้อนเวลากลับไปช่วงซัมเมอร์ปี 2020 ลิโอเนล เมสซี่ กลายเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลกเมื่อเจ้าตัวประกาศช๊อคแฟนบอลเจ้าบุญทุ่ม ว่าเจ้าตัวต้องการย้ายออกจากสโมสรบาร์เซโลน่า 

ซึ่งปีที่แล้วที่แกพูดแบบหัวเด็ดตีนขาด อะไรมันก็เปลี่ยนใจเขาไม่ได้ ว่ากันว่าตอนนั้น สาเหตุหลักๆมันคือความสัมพันธ์ระหว่าง ลิโอเนล เมสซี่ กับ โจเซฟ มาเรีย ปาร์โตเมล  อดีตประธานสโมสรบาร์เซโลน่า ที่มักมีเรื่องข่าวฉาวเป็นประจำโดยเฉพาะเรื่องธุรกิจการเงิน 

หลายๆคนหลายๆคนคงเห็นเรื่องที่ ลิโอเนล เมสซี่งัดข้อ กับบอร์ดบริหารบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นไปการให้สัมภาษณ์แบบโจ๋งครึ่ม อาธิ ปาร์โตเมล กล่าวหาว่าแข้งเจ้าบุญทุ่มไม่ยอมลดค่าเหนื่อย ตอนโควิด 19 ระบาด ก่อนที่เมสซี่จะตอบกลับมาว่า นักเตะทุกคนพร้อมลดค่าจ้างช่วยสโมสร 

นับว่านี่เป็นการหักหน้าปาร์โตเมล ซึ่งมันบ่งบอกได้เลยว่า เมสซี่ เกลียดขี้หน้าประธานคนนี้มากเพียงใด อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า ลิโอเนล เมสซี่ จะยืนยันเรื่องการย้ายที่ มีปารีสแซงแชกแมง กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ้องตาเป็นมัน แต่บอร์ดบริหาร ได้แสดงหลักฐานชัดเจนว่าดาวเตะทีมชาติอาร์เจนตินา มีค่าฉีกสัญญา 700 ล้านยูโร หากทีมไหนต้องการต้องจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้นเพราะสัญญายังเหลือถึงซัมเมอร์ ปี 2021 ทำให้สุดท้ายแล้ว ลิโอเนล เมสซี่ ต้องจำใจอยู่กับบาซ่าอีก 1 ปี 

ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ ลิโอเนล เมสซี่ ประกาศย้ายทีม ก็ต้องบอกว่าทัวร์ไปลงสู่ ปันโตเมว หนักมากสุมไฟกับคดีเก่าๆที่มีแต่เรื่องเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นการบริหารความสำเร็จ ซึ่งอย่างไรก็ตาม ปาร์โตเมล ยังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง วันที่โดนด่าโดนไล่หนักเขาเองก็รู้ตัวประกาศขอสละตำแหน่ง  

ก่อนที่บาร์เซโลน่า จะทำการเลือกตั้งและ โจ ลาปอร์ตา จะเข้ามาเป็นประธานสโมสรบาซ่าคนใหม่ ซึ่งเขาก็ได้ชูโยบายชัดเจนแต่ตอนหาเสียงแล้วว่า ผมจะต่อสัญญากับเมสซี่ ให้ได้ ไม่ว่ามันจะยากเย็นขนาดไหน ซึ่งตอนนั้นใครๆก็ดูแล้วว่ามันน่าจะเป็นไปได้ เพราะว่านอกจากความสนิทสนมแล้ว ลิโอเนล เมสซี่ ดูยินดีมากๆที่เห็นว่า ลาปอร์ตา เข้ามาคุมทีม 

แต่อีกเรื่องนึงสำคัญ ที่ทำให้เมสซี่ คิดเรื่องย้ายทีม นั่นคือผลการแข่งขันที่ก่อนหน้านี้ เละเทะโดน บาร์เยินมิวนิค ยำมาในยูฟ่าเเชมป์เปียนลีกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แถมสโมสรยังปล่อยเพื่อนรักอย่างหลุยส์ซัวเรส ในข้อหาแก่เกินแกง และเป็นการยื่นหอกให้กับศัตรู เพราะว่าคิงหลุยส์กับแอตเรติโก มาดริดคว้าแชมป์ลาลีกาได้ในปีต่อมา 

อย่างไรก็ตามหลังจาก มีการเปลี่ยนประธานสโมสรทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบรรยากาศภายในทีมและผลการแข่งขัน โดยเฉพาะการคว้าแชมป์โกปา เดอเรย์ ที่เปรียบเสมือนว่าเป็นการปลอบประโลมหัวใจของเมสซี่ให้กลับมาสดใสอีกครั้ง และลาปอร์ตา ทำให้เห็นว่าทีมดูดีมีอนาคต ซึ่งก่อนหน้านี้ลาปอร์ต้า ได้อัพเดทเรื่องสัญญาตลอดว่าเป็นไปในทางที่ดี ซึ่งจากที่ปาร์โตเมล ได้ทำเอาไว้ ได้สร้างความผิดหวังให้กับเมสซี่อยู่ไม่น้อย ดังนั้นลาปอร์ตาเลยต้องมาตามล้างตามเช็ด หรือปฏิบัติการให้นักเตะรายนี้เลือกตั้งหลักอยู่กับทีมต่อ โดยตัดสินใจดึงตัวกุล อาเกวโร ดาวยิงทีมชาติอาร์เจนตินา เพื่อนซี้ของเมสซี่ มาล่าตาข่ายร่วมกันอีกต่างหาก แต่แม้ว่าบาซ่าจะได้เอาเพื่อนสนิทของเมสซี่เข้ามาแทนการจากไปของซัวเรสได้สำเร็จแต่เพราะว่าบอร์ดบริหารไม่สามารถดำเนินการต่อสัญญาได้ทันเวลาวันสุดท้าย ก็ปล่อยข้อผูกมัดของนักเตะกับสโมสรหมดลงในวันที่ 1 กรกฎาคม 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่เมสซี่กำลังรับใช้ชาติอาเจนติน่า ทำศึกโคปา อเมริกา